บอกเล่าเก้าสิบ: เกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับการยื่นขอลดอัตราอากรตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2564 ข้อ ๒ (๑๓) สำหรับของที่นำออกจากเขตปลอดอากร เพื่อจำหน่า
- หน้าหลัก
บอกเล่าเก้าสิบ: เกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับการยื่นขอลดอัตราอากรตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร
พ.ศ. ๒๕๓๐ ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2564 ข้อ ๒ (๑๓) สำหรับของที่นำออกจากเขตปลอดอากร เพื่อจำหน่ายหรือบริโภคภายในประเทศ
เพื่อขออนุมัติหลักการการได้สิทธิลดอัตราอากรลงเหลืออัตราร้อยละ 0
ผู้ประกอบกิจการในเขตปลอดอากร
สามารถยื่นคำร้องขอลดอัตราอากร
สำหรับของที่นำออกจากเขตปลอดอากร เพื่อจำหน่ายหรือบริโภคภายในประเทศ
เพื่อขออนุมัติหลักการการได้สิทธิลดอัตราอากรลงเหลืออัตราร้อยละ 0
ตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา ๑๒
แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2564 ข้อ ๒ (๑๓)
ได้ โดยต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของประกาศกรมศุลกากร ที่
246/2564เรื่อง หลักเกณฑ์และพิธีการสำหรับการลดอัตราอากร
และยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐
ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2564 ข้อ ๑6 ได้
ซึ่งเป็นสิทธิที่จะทำให้ได้รับการลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับจำหน่ายหรือบริโภคภายในประเทศ ซึ่งเป็นนโยบายหนึ่งของภาครัฐ
เพื่อส่งเสริมศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศไทย
และเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ภาคเอกชนลงทุนในเขตปลอดอากร
เนื่องจากการสะสมมูลค่าวัตถุดิบให้ถึงอัตราที่ได้เกณฑ์ลดอัตราอากรฯ ทำให้เกิดการใช้วัตถุดิบในประเทศ
รวมถึงเกิดการจ้างงาน และประโยชน์อื่นใด อันจะเป็นการสร้างศักยภาพในการแช่งขันแก่เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยให้สามารถแข่งขันในเวทีโลกได้
ข้อแนะนำสำหรับผู้ประกอบการในการจัดเตรียมสำหรับการยื่นขอลดอัตราอากรดังกล่าว
ซึ่งมีข้อกำหนดและหลักเกณฑ์
เงื่อนไข ตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร
พ.ศ. ๒๕๓๐ ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2564 ข้อ ๒ (๑๓) และประกาศกรมศุลกากร ที่
246/2564เรื่อง หลักเกณฑ์และพิธีการสำหรับการลดอัตราอากร
และยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐
ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2564 ข้อ ๑6
เมื่อผู้ประกอบการได้จัดเตรียมข้อมูลตามข้อกำหนดข้างต้นแล้ว อาจใช้แนวทางการตรวจสอบความถูกต้องเบื้องต้น
กล่าวโดยสรุปได้ดังนี้
1.
ตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของคำร้อง เอกสารประกอบ และคุณสมบัติของผู้มีอำนาจลงนาม
2. ตรวจสอบหนังสือรับรองวัตถุดิบจากสถาบันอิสระหรือหน่วยงานรับรองอิสระอื่นที่กรมศุลกากรเห็นชอบว่าวัตถุดิบนั้นได้มาจากกระบวนการผลิตที่เป็นสาระสำคัญของการจัดทำวัตถุดิบและไม่เป็นกระบวนการผลิตอย่างง่าย
หรือสำเนาหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดในประเทศไทย
หรือสำเนาหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดจากประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สำหรับวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตของที่ขอใช้สิทธิลดอัตราอากร เช่น กรณียานยนต์และชิ้นส่วน
จะต้องมีหนังสือรับรองวัตถุดิบจากสถาบันยานยนต์
เพื่อรับรองว่าวัตถุดิบนั้นได้มาจากกระบวนการผลิตที่เป็นสาระสำคัญของการจัดทำวัตถุดิบและไม่เป็นกระบวนการผลิตอย่างง่าย
เป็นต้น
3. ตรวจสอบว่า
หนังสือรับรองตนเองว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้ผ่านกระบวนการผลิตที่เป็นสาระสำคัญในเขตปลอดอากรตามหลักเกณฑ์
และเงื่อนไข ที่กำหนดในประกาศสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เรื่อง
กระบวนการผลิตที่เป็นสาระสำคัญของของในเขตปลอดอากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรหรือในเขตประกอบการเสรีตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรม
แห่งประเทศไทย ลงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 ครบถ้วนถูกต้องหรือไม่
4. ตรวจสอบเอกสารประกอบที่แสดงและพิสูจน์ถึงข้อมูลการผลิต
การใช้วัตถุดิบ มูลค่าวัตถุดิบ ต้นทุนการผลิต และกำไร และตรวจสอบว่าอัตราส่วนของต้นทุนการผลิตในประเทศต่อราคาของของหน้าโรงงาน ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๔๐ ของราคาของของหน้าโรงงาน ตามเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่ง
ต่อไปนี้
1)
ของนั้นต้องมีผลรวมของมูลค่าวัตถุดิบที่ได้ถิ่นกำเนิดในประเทศไทย ต้นทุนค่าแรง
ต้นทุนการผลิตอื่นๆ ที่เกิดขึ้นจริงในประเทศไทย เพื่อให้ได้มาซึ่งของนั้น และกำไร
ไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของราคาของของหน้าโรงงาน (Ex-Factory) หรือ
2)
ของนั้นต้องมีผลรวมของมูลค่าวัตถุดิบที่ได้ถิ่นกำเนิดจากประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ต้นทุนค่าแรง ต้นทุนการผลิตอื่นๆ ที่เกิดขึ้นจริงในประเทศไทย
เพื่อให้ได้มาซึ่งของนั้น และกำไร ไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของราคาของของหน้าโรงงาน
(Ex-Factory) หรือ
3)
ของนั้นต้องมีผลรวมของมูลค่าวัตถุดิบที่ได้ถิ่นกำเนิดในประเทศไทยรวมกับมูลค่าวัตถุดิบที่ได้ถิ่นกำเนิดจากประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ต้นทุนค่าแรง ต้นทุนการผลิตอื่น ๆ
ที่เกิดขึ้นจริงในประเทศไทยเพื่อให้ได้มาซึ่งของนั้น และกำไรไม่น้อยกว่าร้อยละ 40
ของราคาของหน้าโรงงาน Ex-Factory)
4)
ของนั้นต้องผ่านกระบวนการผลิตที่เป็นสาระสำคัญในเขตปลอดอากรหรือเขตประกอบการเสรี
ซึ่งเป็นไปตามประกาศกำหนดของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมหรือหน่วยงานรัฐอื่นที่มีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลกระบวนการผลิตสำหรับของนั้น
5)
ของนั้นจะต้องไม่เป็นของที่อธิบดีกรมศุลกากรประกาศกำหนดมิให้นำเข้าไปในหรือปล่อยออกจากเขตปลอดอากรหรือเขตประกอบการเสรี
ทั้งนี้
ให้เป็นไปตามที่อธิบดีประกาศกำหนดประเภทหรือชนิดของของที่จะนำเข้าไปในหรือปล่อยออกจากเขตปลอดอากรตามระเบียบปฏิบัติพิธีการศุลกากรว่าด้วยเขตปลอดอากร
ตามมาตรา 150 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560 หรือตามระเบียบปฏิบัติพิธีการศุลกากรว่าด้วยเขตประกอบการเสรี ตามมาตรา 50
แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ.2522
ทั้งนี้
ผู้ที่สนใจ สามารถศึกษารายละเอียด ตามประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา ๑๒
แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2564 ข้อ ๒ (๑๓)
และประกาศกรมศุลกากร ที่ 246/2564เรื่อง หลักเกณฑ์และพิธีการสำหรับการลดอัตราอากร
และยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐
ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2564 ข้อ 16 หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
ส่วนบริการศุลกากรบางเสาธง สำนักงานศุลกากรกรุงเทพ เลขที่ 102 หมู่ที่ 2 ตำบลบางเสาธง
อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ 10540 หมายเลขโทรศัพท์ 02-3381425-36 ต่อ 131 โทรสาร
: 02-3391447
นายวิรัตน์
ชวัญสุด
ผู้อำนวยการส่วนบริการศุลกากรบางเสาธง
28 มีนาคม 2567
วันที่ปรับปรุงล่าสุด : 21 เมษายน 2567 17:21:37
จำนวนผู้เข้าชม : 2,236
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : ส่วนบริการศุลกากรบางเสาธง
ส่วนบริการศุลกากรบางเสาธง
เลขที่ 102 หมู่ที่ 2 ตำบลบางเสาธง
อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ 10540
หมายเลขโทรศัพท์ : 02-3381425-36 ต่อ 131